skip to Main Content

มือใหม่ทราบหรือไม่ว่า เครื่องหมายหุ้น แต่ละตัวคืออะไร?

(ภาพตัวอย่างการขึ้นเครื่องหมายหุ้น ณ วันที่ 16/03/18 บน Finansia HERO)

นักลงทุนมือใหม่หลาย ๆ คน อาจจะเคยเห็นตัวอักษร เช่น XD , XM, T1 , H หรือ SP ที่ขึ้นอยู่กับหุ้นที่เรากำลังสนใจ แล้วอาจจะเกิดความสงสัยว่าตัวอักษรเหล่านี้ให้ข้อมูลอะไร และส่งผลต่อการซื้อขายหุ้นหรือหุ้นที่เราถืออยู่อย่างไร ตัวอักษรที่กล่าวมาข้างต้นคนส่วนใหญ่ในตลาดจะเรียกว่า “เครื่องหมายหุ้น” โดยบทความนี้จะมาอธิบายความหมายของเครื่องหมายหุ้นแต่ละตัวให้ได้รู้จักกัน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนอย่างแน่นอน

ในบทความนี้ได้แบ่งเครื่องหมายหุ้นออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1) กลุ่มที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการซื้อหุ้น

2) กลุ่มที่ให้ข้อมูลว่าหุ้นมีการซื้อขายที่ผิดปกติ

3) กลุ่มที่แจ้งเตือนให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขาย ซึ่งในแต่ละกลุ่มจะมีตัวอักษรอะไรบ้าง เราลองไปดูรายละเอียดกันเลยครับ

1. กลุ่มที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการซื้อหุ้น

หลักการสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับการขึ้นเครื่องหมายหุ้นในกลุ่มนี้ คือ นักลงทุนที่ซื้อหุ้นก่อนวันที่มีเครื่องหมายเหล่านี้ต่อท้ายชื่อหุ้นจะยังได้รับสิทธิตามที่บริษัทได้ประกาศแจ้งไว้ แต่นักลงทุนที่ซื้อหุ้นตั้งแต่วันที่มีเครื่องหมายนี้ต่อท้ายชื่อหุ้นเป็นต้นไปจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการซื้อหุ้น ซึ่งเครื่องหมายหุ้นที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่

XD (Excluding Dividend) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนจะไม่ได้สิทธิในการรับเงินปันผล

XR (Excluding Right) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนจะไม่ได้สิทธิในการจองซื้อหุ้นออกใหม่

XM (Excluding Meetings) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนจะไม่ได้สิทธิในการเข้าประชุมผู้ถือหุ้น

XW (Excluding Warrant) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนจะไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ที่จะซื้อหลักทรัพย์

XS (Excluding Short-term Warrant) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนซื้อจะไม่ได้สิทธิในการรับใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ในการจองซื้อหลักทรัพย์ระยะสั้น

XT (Excluding Transferable Subscription Right) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนจะไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิ ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้

XI (Excluding Interest) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนจะไม่ได้สิทธิในการรับดอกเบี้ย (Interest)

XP (Excluding Principal) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนจะไม่ได้สิทธิรับเงินต้นที่บริษัทประกาศจ่ายคืนในคราวนั้น

XA (Excluding All) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนจะไม่ได้สิทธิในทุกประเภทที่บริษัทประกาศในคราวนั้น

XE (Excluding Exercise) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนจะไม่ได้สิทธิในการนำตราสารสิทธิไปแปลงสภาพเป็นหุ้นอ้างอิง

XN (Excluding Capital Return) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนจะไม่ได้สิทธิในการรับเงินคืนจากการลดทุน

XB (Excluding Other Benefit) : เครื่องหมายที่แสดงว่านักลงทุนจะไม่ได้สิทธิจองหุ้นออกใหม่ ในกรณีดังนี้

  • สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ
  • สิทธิในการจองซื้อหุ้นบุริมสิทธิ ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญ
  • สิทธิในการจองซื้อหลักทรัพย์ที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท
  • สิทธิในการจองซื้อหลักทรัพย์ในเครือ

นักลงทุนสามารถดูว่าหุ้นตัวไหนกำลังจะขึ้นเครื่องหมายในกลุ่มนี้ได้ที่ https://www.set.or.th/set/xcalendar.do

2. กลุ่มเครื่องหมายที่แสดงว่าหุ้นตัวนี้มีการซื้อขายที่ผิดปกติ

เป็นมาตรการจัดการกรณีที่หลักทรัพย์มีสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปมากจากช่วงก่อนหน้า (Trading Alert List) ในกรณีมีการซื้อขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาวะปกติของตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลการซื้อขายให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดโดยรวม และเพื่อป้องกันความเสียหายอันเกิดต่อนักลงทุน โดยทางตลาดหลักทรัพย์ฯจะขึ้นเครื่องหมาย “T”  ซึ่งแบ่งได้ 3 ระดับ ได้แก่

T1 (Trading Alert Level 1) คือ ระดับ 1 ถ้าหุ้นตัวใดติดเครื่องหมาย T1 แสดงว่านักลงทุนที่ซื้อหุ้นตัวนี้

  • ต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance เท่านั้น

โดยเมื่อหุ้นตัวใดถูกขึ้นเครื่องหมาย T1 จะถูกขึ้นเครื่องหมายเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์หลังจากวันที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศ

T2 (Trading Alert Level 2) คือ ระดับ 2 หลังจากหุ้นตัวนั้นติด T1 หรือพ้นระยะเวลาดำเนินการตามมาตรการ T1 ไปแล้วไม่เกิน 1 เดือน แต่ยังเข้าเกณฑ์ Trading Alert list ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จะถูกเพิ่มให้เป็น T2 (และขยายระยะเวลาเพิ่มไปอีก 3 สัปดาห์หลังจากวันที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศ) แสดงให้ทราบว่านักลงทุนที่ซื้อหุ้นตัวนี้

  • ต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance เท่านั้น
  • จะถูกห้ามนำหลักทรัพย์นั้นมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขายหุ้น ในทุกประเภทบัญชี

T3 (Trading Alert Level 3) คือ ระดับ 3 กรณีที่หุ้นติดT2 หรือพ้นระยะเวลาดำเนินการตามมาตรการ T2 ไปแล้วไม่เกิน 1 เดือนแต่ยังเข้าเกณฑ์ Trading Alert list ซ้ำเป็นครั้งที่ 3 จะถูกเพิ่มให้เป็น T3 (และขยายระยะเวลาเพิ่มไปอีก 3 สัปดาห์หลังจากวันที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศ) แสดงให้ทราบว่านักลงทุนที่ซื้อหุ้นตัวนี้

  • ต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance เท่านั้น
  • จะถูกห้ามนำหลักทรัพย์นั้นมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขายหุ้น ในทุกประเภทบัญชี
  • จะถูกห้าม Net Settlement (ห้ามหักกลบค่าซื้อขายในวันเดียว)

โดยสรุปในแวดวงการลงทุนมักจะเรียกหุ้นเหล่านี้ว่า “หุ้นติด Cash Balance” หรือ “หุ้นติดคุก” สำหรับนักลงทุนมือใหม่ควรระมัดระวังหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย T ถ้าคิดจะซื้อหุ้นเหล่านี้ต้องพิจารณาและตัดสินใจอย่างรอบคอบ

โดยทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศรายชื่อหุ้นที่ติด Cash Balance ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ นักลงทุนสามารถดูว่าหุ้นตัวไหนติด Trading Alert List ได้ที่นี่ https://www.set.or.th/set/marketalertnews.do

3. กลุ่มเครื่องหมายแจ้งเตือนให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวัง

ในการลงทุนในตลาดหุ้น มีปัจจัยหลากหลายที่จะสามารถส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้ โดยเฉพาะข้อมูลหรือข่าวสารที่เกี่ยวกับบริษัทนั้น ๆ ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้มีเครื่องหมายที่ใช้แจ้งเตือนให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวัง โดยหุ้นที่จะเข้าข่ายจะขึ้นเครื่องหมาย ได้แก่

H (Trading Halt) : เป็นเครื่องหมายแสดงว่าหุ้นตัวนี้ถูกห้ามซื้อขายชั่วคราว โดยแต่ละครั้งมีระยะเวลาไม่เกินหนึ่งรอบการซื้อขาย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดให้มีการซื้อขาย 2 รอบใน 1 วัน คือ รอบภาคเช้าช่วง 10.00 น. – 12.30 น. และรอบภาคบ่ายช่วง 14.30 น. – 16.30 น. ซึ่งคำว่าหนึ่งรอบการซื้อขาย หมายถึงช่วงรอบการซื้อขาย รอบใดรอบหนึ่งของทั้ง 2 รอบ) ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการขึ้นเครื่องหมาย H ดังนี้

  1. มีข้อมูลข่าวสารที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่ได้รับรายการ และอยู่ในระหว่างการสอบถามข้อเท็จจริง และรอคำชี้แจงจากบริษัท ซึ่งเป็นข้อมูลที่เห็นว่าบริษัทสามารถชี้แจงได้ในทันที
  2. ภาวะการซื้อขายหุ้นของบริษัทน่าสงสัยว่าจะมีนักลงทุนบางกลุ่มทราบข้อมูลหรือข่าวสารที่สำคัญ และอยู่ในระหว่างการสอบถามข้อเท็จจริงจากบริษัท ซึ่งเป็นข้อมูลที่เห็นว่าบริษัทสามารถชี้แจงได้ในทันที
  3. บริษัทร้องขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งห้ามการซื้อขายหุ้นของตนเป็นการชั่วคราว เนื่องจากบริษัทอยู่ในระหว่างรอการเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารที่สำคัญ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เห็นว่าบริษัทสามารถชี้แจงได้ในทันที
  4. มีเหตุอื่นใดที่อาจมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการซื้อขายหุ้น

ซึ่งเมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาแล้วว่าบริษัทเปิดเผยข้อมูลครบถ้วน ตลาดหลักทรัพย์สามารถปลดเครื่องหมาย H ได้ตลอดเวลาในระหว่างช่วงเวลาซื้อขาย

SP (Trading Suspension) : เป็นเครื่องหมายแสดงว่าหุ้นตัวนี้ถูกห้ามซื้อขายชั่วคราว โดยแต่ละครั้งมีระยะเวลาเกินกว่าหนึ่งรอบซื้อขาย ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการขึ้นเครื่องหมาย SP ดังนี้

  1. เมื่อเกิดกรณีเช่นเดียวกับข้อ 1 ถึง 3 ของการขึ้นเครื่องหมาย H แต่บริษัทไม่สามารถชี้แจงหรือเปิดเผยข้อมูลได้ในทันที
  2. บริษัทฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย ข้อบังคับ ระเบียบประกาศ คำสั่ง มติคณะกรรมการ ข้อตกลง ตลอดจนหนังสือเวียนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้บริษัทปฏิบัติตาม
  3. บริษัทไม่นำส่งงบการเงินให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเวลาที่กำหนด
  4. หุ้นอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิกถอน หรืออยู่ระหว่างการปรับปรุงสถานภาพเพื่อให้พ้นข่ายการถูกเพิกถอน
  5. หุ้นจะครบกำหนดเวลาในการไถ่ถอนหรือการเปลี่ยนแปลงภาพหรือการใช้สิทธิ หรือการขายคืน
  6. มีเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการซื้อขายหุ้น

NP (Notice Pending) : เป็นเครื่องหมายที่แสดงให้นักลงทุนทราบว่าหุ้นตัวนี้มีข้อมูลที่ต้องชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งอยู่ระหว่างรอข้อมูลจากบริษัท

NR (Notice Received) : เป็นเครื่องหมายแสดงให้นักลงทุนทราบว่าตลาดหลักทรัพย์ได้รับการชี้แจงข้อมูลจากบริษัทที่ขึ้นเครื่องหมาย NP แล้วจะเปลี่ยนเครื่องหมาย NP เป็น NR แทนไว้เป็นเวลาหนึ่งวัน

NC (Non-Compliance) : เป็นเครื่องหมายแสดงว่าหุ้นของบริษัทนี้เข้าข่ายถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้น

ST (Stabilization) : เป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าหุ้นของบริษัทมีการซื้อหุ้นเพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกิน

และนี่คือ 3 กลุ่มเครื่องหมายในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญที่นักลงทุนทุกคนควรทำความเข้าใจ หวังว่าบทความนี้จะทำให้นักลงทุนมือใหม่เข้าใจความหมายของเครื่องหมายหุ้นมากยิ่งขึ้น สุดท้ายนี้ก่อนตัดสินใจจะซื้อหุ้นตัวใด โปรดตรวจสอบดูเครื่องหมายหุ้น เพราะว่าข้อมูลเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อหุ้นที่เรากำลังจะลงทุน หรือหุ้นตัวที่เราลงทุนอยู่

แชร์เพจ
Back To Top