
รู้จัก ETF ลงทุนง่าย กระจายความเสี่ยง ครอบคลุมทั่วโลก
ในยุคที่โลกของการลงทุนพัฒนาไปไกล การลงทุนในหุ้นรายตัวอาจไม่ใช่คำตอบเดียวอีกต่อไป นักลงทุนหลายคนหันมามองหาเครื่องมือที่สามารถ กระจายความเสี่ยงได้ดี, เข้าถึงตลาดได้กว้าง, และ ใช้เงินลงทุนน้อย แต่ยังคงให้ผลตอบแทนตามดัชนีเป้าหมาย เครื่องมือนั้นก็คือ ETF หรือ Exchange-Traded Fund
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ ETF อย่างละเอียด ตั้งแต่พื้นฐาน วิธีการลงทุน ไปจนถึงข้อดีข้อควรระวัง เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นลงทุนได้อย่างมั่นใจ
ETF คืออะไร?
ETF (Exchange-Traded Fund) คือ กองทุนรวมประเภทหนึ่งที่มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (Benchmark Index) เช่น SET50, S&P500, NASDAQ, ดัชนีทองคำ หรือดัชนีหุ้นจีน เป็นต้น
ETF แตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไปตรงที่สามารถ ซื้อขายได้ตลอดเวลาเหมือนหุ้น ผ่านตลาดหลักทรัพย์ โดยมีราคาเปลี่ยนแปลงแบบ Real-time ตามกลไกของตลาด
สรุปสั้น ๆ: ETF = กองทุนรวม + ความคล่องตัวของหุ้น
ซึ่งเราสามารถหา ETF ในตลาดหุ้นได้ทั้งหมดได้ใน โปรแกรม Finansia HERO โดยเข้าไปที่ DIY Conditional Search

เข้าไปที่ Scoping >> เลือก Stock category >>> เลือก ETF

สามารถค้นหาได้โดยกด Search จะได้ ETF ทั้งหมดในตลาดหุ้นไทย

โครงสร้างของ ETF
ETF ประกอบด้วย:
- สินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Assets): เช่น หุ้นในดัชนี SET50, หุ้นเทคใน NASDAQ, พันธบัตร, ทองคำ, น้ำมัน ฯลฯ
- หน่วยลงทุน (Units): นักลงทุนซื้อหน่วยลงทุนใน ETF ผ่านกระดานซื้อขายหุ้น
- ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker): คอยทำให้มีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ราคาผิดเพี้ยนจาก NAV มากเกินไป
ประเภทของ ETF
ETF มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่กองทุนไปลงทุน เช่น
- 1. Equity ETF (หุ้น)
เช่น ETF อ้างอิงกับดัชนีหุ้น เช่น
- SET50 ETF (ชื่อย่อ: TDEX)
- SPDR S&P500 ETF (ชื่อย่อ: SPY)
- NASDAQ-100 ETF (ชื่อย่อ: QQQ)
- 2. Bond ETF (ตราสารหนี้)
ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรเอกชน เช่น iShares 20+ Year Treasury Bond (TLT)
- 3. Commodity ETF (สินค้าโภคภัณฑ์)
ลงทุนในทองคำ น้ำมัน เช่น SPDR Gold Shares (GLD)
- 4. Thematic / Sector ETF (ธีมหรือกลุ่มอุตสาหกรรม)
เช่น ETF กลุ่มเทคโนโลยี สุขภาพ พลังงาน เช่น ARK Innovation ETF (ARKK)
- 5. Inverse และ Leveraged ETF
- Inverse ETF ให้ผลตอบแทนตรงข้ามดัชนี เช่น ตลาดตก ETF กลับขึ้น
- Leveraged ETF ขยายผลตอบแทนหลายเท่า เช่น 2x หรือ 3x
ข้อดีของ ETF
✅ กระจายความเสี่ยงได้ง่าย
ซื้อ ETF หนึ่งตัว เท่ากับลงทุนในหลายหุ้นพร้อมกัน เช่น TDEX ลงในหุ้น 50 ตัวใน SET50
✅ ต้นทุนต่ำ
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป (Passive Management)
✅ ซื้อขายสะดวกเหมือนหุ้น
สามารถซื้อ–ขายได้ทันทีผ่านแอปเทรดหุ้น ไม่มีขั้นต่ำเหมือนกองทุนรวมบางประเภท
✅ โปร่งใส
ETF ส่วนใหญ่เปิดเผยพอร์ตทุกวัน นักลงทุนรู้ว่าสินทรัพย์อยู่ในอะไรบ้าง
✅ เข้าถึงตลาดทั่วโลกได้
ผ่าน ETF ต่างประเทศ เช่น หุ้นจีน (ASHR), หุ้นเวียดนาม, พันธบัตรสหรัฐ ฯลฯ
ความแตกต่างระหว่าง ETF กับกองทุนรวม
หัวข้อ | ETF | กองทุนรวมทั่วไป |
วิธีการซื้อขาย | ผ่านตลาดหลักทรัพย์ | ผ่าน บลจ. หรือแอปกองทุน |
ราคา | เปลี่ยนตามตลาดแบบ Real-time | ราคาปิดสิ้นวัน (NAV) |
ค่าธรรมเนียม | ต่ำกว่า | สูงกว่า |
ตัวอย่าง ETF ที่น่าสนใจ
🟢 ในไทย:
- TDEX – ETF อิงดัชนี SET50
- E1VFVN3001 – ETF หุ้นเวียดนาม
- GLD10 – ETF อิงราคาทองคำโลก
เทคนิคเลือก ETF สำหรับนักลงทุนมือใหม่
- เริ่มจาก ETF ในประเทศก่อน เช่น TDEX เพื่อความเข้าใจและควบคุมความเสี่ยงได้ง่าย
- ศึกษา Benchmark ให้ดี ว่าดัชนีที่ ETF ติดตามคืออะไร
- เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย (TER) และสภาพคล่อง
- เลือก ETF ที่มี Volume การซื้อขายสูง เพื่อให้ขายออกง่าย
- ใช้เป็นพอร์ตเสริม/กระจายความเสี่ยง ร่วมกับหุ้นเดี่ยวหรือกองทุนอื่น
สรุป: ETF คือ “ทางลัด” สำหรับการลงทุนที่คุ้มค่า กระจายความเสี่ยงได้ดี และใช้ได้ทั้งในไทยและต่างประเทศ
ETF เป็นเครื่องมือที่เหมาะกับนักลงทุนทุกระดับ โดยเฉพาะมือใหม่ที่อยากเริ่มลงทุนอย่างมีระบบ ไม่ต้องเลือกหุ้นรายตัวเอง หรือไม่มีเวลาวิเคราะห์เชิงลึก เพียงเลือกดัชนีที่ต้องการลงทุน แล้วปล่อยให้ ETF ทำหน้าที่แทน ด้วยต้นทุนต่ำ ความยืดหยุ่น และโอกาสในการกระจายความเสี่ยง ETF จึงกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ “มืออาชีพยังใช้ มือใหม่ก็เริ่มได้”
สมัครใช้งานได้ที่ เปิดพอร์ตคลิก https://bit.ly/TRAINER01